|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ 2) เพื่อประเมินคุณภาพของระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ ประชากร คือ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ใช้วิธีการเลือกอย่างง่ายแบบสุ่ม จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ ระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ แบบประเมินคุณภาพระบบระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ และ แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการศึกษา คือ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษามีดังนี้
1. ระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนลงทะเบียนน้ำเชื้อ ส่วนการจองคิวผสมเทียม และ ส่วนการฝากขายโคเนื้อซึ่ง สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกิจ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีระบบ และการทำงานที่รวดเร็วขึ้น
2. ผลการประเมินคุณภาพระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ผลการประเมินคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับมาก
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อระบบระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
โครงงาน :
การพัฒนาระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ
ผู้จัดทำ :
นางสาวนิศารัตน์ เทียบดอกไม้
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์นราธิป ทองปาน
ปีการศึกษา :
2559
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ 2) เพื่อประเมินคุณภาพของระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ ประชากร คือ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ใช้วิธีการเลือกอย่างง่ายแบบสุ่ม จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ ระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ แบบประเมินคุณภาพระบบระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ และ แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการศึกษา คือ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษามีดังนี้
1. ระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนลงทะเบียนน้ำเชื้อ ส่วนการจองคิวผสมเทียม และ ส่วนการฝากขายโคเนื้อซึ่ง สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกิจ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีระบบ และการทำงานที่รวดเร็วขึ้น
2. ผลการประเมินคุณภาพระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ผลการประเมินคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับมาก
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อระบบระบบฝากขายและจองคิวผสมเทียมโคเนื้อ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
|
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบการจองคิวคลินิกทันตกรรม
2) ประเมินคุณภาพของระบบการจองคิวคลินิกทันตกรรม 3) สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
ระบบการจองคิวคลินิกทันตกรรม เมื่อพัฒนาระบบเสร็จเรียบร้อยแล้วผู้พัฒนาจะเอาระบบจองคิว
คลินิกทันตกรรมนี้ไปทดลองใช้กับประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
สาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารชั้นปีที่ 4 โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีดังนี้ 1) ระบบ
จองคิวคลินิกทันตกรรม 2) แบบประเมินคุณภาพของระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญ
3) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบจองคิวคลินิกทันตกรรม และเมื่อได้ข้อมูลมาแล้วนามา
วิเคราะห์โดยค่าเฉลี่ย ( X ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ซึ่งผลการวิจัยมีดังนี้
1) ได้ระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมทันตกรรมที่มีคุณภาพ
2) ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อความเหมาะสมของระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมโดย
รวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( X =3.60,S.D. =0.70)
3) ความพึงพอใจของระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมโดยรวมความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
ที่สุด ( X = 4.76,S.D.= 0.08 )
โครงงาน :
การพัฒนาระบบจองคิวคลินิกทันตกรรม
ผู้จัดทำ :
นางสาวปนัดดา คงดี
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ณัฐพงศ์ พลสยม
ปีการศึกษา :
2558
|
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบการจองคิวคลินิกทันตกรรม
2) ประเมินคุณภาพของระบบการจองคิวคลินิกทันตกรรม 3) สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
ระบบการจองคิวคลินิกทันตกรรม เมื่อพัฒนาระบบเสร็จเรียบร้อยแล้วผู้พัฒนาจะเอาระบบจองคิว
คลินิกทันตกรรมนี้ไปทดลองใช้กับประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
สาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารชั้นปีที่ 4 โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีดังนี้ 1) ระบบ
จองคิวคลินิกทันตกรรม 2) แบบประเมินคุณภาพของระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญ
3) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบจองคิวคลินิกทันตกรรม และเมื่อได้ข้อมูลมาแล้วนามา
วิเคราะห์โดยค่าเฉลี่ย ( X ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ซึ่งผลการวิจัยมีดังนี้
1) ได้ระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมทันตกรรมที่มีคุณภาพ
2) ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อความเหมาะสมของระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมโดย
รวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( X =3.60,S.D. =0.70)
3) ความพึงพอใจของระบบจองคิวคลินิกทันตกรรมโดยรวมความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
ที่สุด ( X = 4.76,S.D.= 0.08 )
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 2) ประเมินคุณภาพระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 3) ความพึงพอใจระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา คือ ประชากร ได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารชั้นปีที่ 4 จานวน 30 คน คัดโดยการสุ่มด้วยการจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 1) ระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 2) แบบประเมินคุณภาพระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ มีส่วนประกอบในการใช้งาน 3 ส่วน คือ ส่วนของผู้ซื้อ, ส่วนของผู้ขาย, ส่วนของผู้ดูแลระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์
2. ผลการประเมินคุณภาพระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
โครงงาน :
การพัฒนาระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์
ผู้จัดทำ :
นางสาวประภาวดี รัฐเมือง
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ทิพวิมล ชมภูคำ
ปีการศึกษา :
2559
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 2) ประเมินคุณภาพระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 3) ความพึงพอใจระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา คือ ประชากร ได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารชั้นปีที่ 4 จานวน 30 คน คัดโดยการสุ่มด้วยการจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 1) ระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 2) แบบประเมินคุณภาพระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ มีส่วนประกอบในการใช้งาน 3 ส่วน คือ ส่วนของผู้ซื้อ, ส่วนของผู้ขาย, ส่วนของผู้ดูแลระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์
2. ผลการประเมินคุณภาพระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์
อาเซียน "คาศัพท์โลก" 2) ประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่น บนแอนดรอยด์ที่พัฒนาขึ้นและ3)
สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์ กลุ่มตัวอย่าเป็นนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านขามเรียนเสียบโมแสดงดอนมันจานวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ใน
การศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์โลก" แบบประเมินคุณภาพ
แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์โลก"และแบบประเมินใจความพึงพอใจที่มีต่อ
แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก" สถิติที่ใช้คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ
สาวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก" ประบอกด้วย เนื้อหา
คาศัพท์อาเซียน 3 หมวดคือสัตว์บก สัตว์น้า สัตว์ปีกและมีองค์ประกอบการแสดงผลในรูปแบบของ
แผนที่ประชาคมอาเซียนจานวน 10 ประเทศผลการประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้
คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก"โดยผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับมาก
2. ผลการประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก"
ของผู้เชี่ยวชาญ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( =4.19, S.D. = 1.08)
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์
อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก" คิดเป็นร้อยละ100 นักเรียนทุกคนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
โครงงาน :
การพัฒนาแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คำศัพท์อาเซียน
ผู้จัดทำ :
นางสาวปวีณา เชื่อมวงค์
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ ดร.อภิชาติ เหล็กดี
ปีการศึกษา :
2559
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์
อาเซียน "คาศัพท์โลก" 2) ประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่น บนแอนดรอยด์ที่พัฒนาขึ้นและ3)
สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์ กลุ่มตัวอย่าเป็นนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านขามเรียนเสียบโมแสดงดอนมันจานวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ใน
การศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์โลก" แบบประเมินคุณภาพ
แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์โลก"และแบบประเมินใจความพึงพอใจที่มีต่อ
แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก" สถิติที่ใช้คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ
สาวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. แอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก" ประบอกด้วย เนื้อหา
คาศัพท์อาเซียน 3 หมวดคือสัตว์บก สัตว์น้า สัตว์ปีกและมีองค์ประกอบการแสดงผลในรูปแบบของ
แผนที่ประชาคมอาเซียนจานวน 10 ประเทศผลการประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้
คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก"โดยผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับมาก
2. ผลการประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก"
ของผู้เชี่ยวชาญ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( =4.19, S.D. = 1.08)
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแอพพลิเคชั่นเสริมการเรียนรู้คาศัพท์
อาเซียน "คาศัพท์สัตว์โลก" คิดเป็นร้อยละ100 นักเรียนทุกคนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
|
การศึกษาโครงงานนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1)เพื่อพัฒนาระบบการจองรถบัสมงคลชัยทัวร์
2) เพื่อประเมินคุณภาพระบบการจองรถบัสมงคลชัยทัวร์ 3)เพื่อวัดความพึงพอใจของผู้ใช้งานของระบบจองรถ
บัสมงคลชัยทัวร์ สมาชิกที่สนใจในการจองรถบัสของบริษัทมงคลชัยทัวร์ จานวน 30 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้
สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1.ได้รับระบบจัดเก็บข้อมูลของระบบการจองรถบัสออนไลน์มงคลชัยทัวร์
2.ผลการประเมินคุณภาพระบบจองรถบัสออนไลน์มงคลชัยทัวร์ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ผล
การประเมินคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับมาก( x̅ = 4.09, S.D.=0.16)3.ผลการสอบถามความพึงพอใจที่
มีต่อระบบระบบจองรถบัสออนไลน์มงคลชัยทัวร์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก( x̅ =4.53, S.D.=0.58)
โครงงาน :
การพัฒนาระบบการจองรถบัสออนไลน์มงคลชัยทัวร์
ผู้จัดทำ :
นางสาวปิยะวรรณ มูลพันธ์
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ณัฐพงศ์ พลสยม
ปีการศึกษา :
2559
|
การศึกษาโครงงานนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1)เพื่อพัฒนาระบบการจองรถบัสมงคลชัยทัวร์
2) เพื่อประเมินคุณภาพระบบการจองรถบัสมงคลชัยทัวร์ 3)เพื่อวัดความพึงพอใจของผู้ใช้งานของระบบจองรถ
บัสมงคลชัยทัวร์ สมาชิกที่สนใจในการจองรถบัสของบริษัทมงคลชัยทัวร์ จานวน 30 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้
สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1.ได้รับระบบจัดเก็บข้อมูลของระบบการจองรถบัสออนไลน์มงคลชัยทัวร์
2.ผลการประเมินคุณภาพระบบจองรถบัสออนไลน์มงคลชัยทัวร์ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ผล
การประเมินคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับมาก( x̅ = 4.09, S.D.=0.16)3.ผลการสอบถามความพึงพอใจที่
มีต่อระบบระบบจองรถบัสออนไลน์มงคลชัยทัวร์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก( x̅ =4.53, S.D.=0.58)
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด
2) ประเมินคุณภาพของระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด 3) ศึกษาความพึงพอใจในการ
ใช้งานของระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด กลุ่มเป้าหมาย คือ นักศึกษาสาขาวิชา
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารจานวน 1 ห้อง คัดเลือกมา 25 คน โดยวิธีการสุ่มจับสลาก
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ 1) แบบประเมินคุณภาพระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด
2) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด วิเคราะห์ข้อมูลใช้
สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการพัฒนาระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ผู้ใช้
ทั่วไป ส่วนของสมาชิก และส่วนของผู้ดูแล ซึ่งสามารถนาไปใช้ในการขายส่งเตา เพื่อให้เกิดการทางาน
อย่างมีระบบในหน่วยงาน และการทางานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผลการประเมินคุณภาพระบบ
ขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.49, S.D. =0.50)
2. ผลการสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตา
ประหยัด โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.75, S.D. =0.14)
โครงงาน :
ระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด
ผู้จัดทำ :
นายพันภิชิต พลโคตร
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์นราธิป ทองปาน
ปีการศึกษา :
2559
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด
2) ประเมินคุณภาพของระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด 3) ศึกษาความพึงพอใจในการ
ใช้งานของระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด กลุ่มเป้าหมาย คือ นักศึกษาสาขาวิชา
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารจานวน 1 ห้อง คัดเลือกมา 25 คน โดยวิธีการสุ่มจับสลาก
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ 1) แบบประเมินคุณภาพระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด
2) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด วิเคราะห์ข้อมูลใช้
สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการพัฒนาระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ผู้ใช้
ทั่วไป ส่วนของสมาชิก และส่วนของผู้ดูแล ซึ่งสามารถนาไปใช้ในการขายส่งเตา เพื่อให้เกิดการทางาน
อย่างมีระบบในหน่วยงาน และการทางานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผลการประเมินคุณภาพระบบ
ขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตาประหยัด โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.49, S.D. =0.50)
2. ผลการสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบขายส่งเตาถ่านร้าน ส.วิไลเตา
ประหยัด โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.75, S.D. =0.14)
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)พัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลแอพพลิเคชั่นผ่าน wifi 2)ประเมินหาคุณภาพของหุ่นยนต์บังคับแขนกลแอพพลิเคชั่นผ่าน wifi 3)ประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้หุ่นยนต์บังคับแขนกลแอพพลิเคชั่นผ่าน wifi ที่พัฒนาขึ้นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาคือนักศึกษาสาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร จานวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นหุ่นยนต์บังคับแขนกล แบบประเมินคุณภาพการพัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อแอพพลิเคชั่นการควบคุมหุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยล้อผ่านการสื่อสารไร้สายสถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ การหาค่าเฉลี่ย ( ̅) และการหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการศึกษาพบว่า 1. การพัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi สามารถใช้ในการควบคุมหุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยล้อได้ ให้เดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา ยิบจับวัตถุยกและวางวัตถุโดยควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยใช้ WIFI เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูล 2. ผลการประเมินคุณภาพของพัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi ได้แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ ด้านประสิทธิภาพของการทางาน, ด้านการทางาน, ด้านคู่มือการใช้งาน และ ด้านคู่มือการใช้งานปรากฏว่า ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งหมดทุกด้านอยู่ในระดับ เหมาะสมมากที่สุด ( ̅=4.16, S.D.=0.37) ซึ่งแสดงถึงการยอมรับคุณภาพการใช้งาน และมีความสอดคล้องของข้อมูล 3.ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่านWiFi โดยผู้ศึกษาได้แบ่งออกเป็นรายข้อ 10 ข้อ ปรากฏว่า ผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi มีความพึงพอใจการใช้งานทั้งหมด อยู่ในระดับ เหมาะสมมากที่สุด ( ̅= 4.65,S.D. = 0.50)
โครงงาน :
การพัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi
ผู้จัดทำ :
นายวัชรพล มงคลมะไฟ และนายวุฒิ พิทักษ์สินเธาว์
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ณัฐพงศ์ พลสยม
ปีการศึกษา :
2559
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)พัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลแอพพลิเคชั่นผ่าน wifi 2)ประเมินหาคุณภาพของหุ่นยนต์บังคับแขนกลแอพพลิเคชั่นผ่าน wifi 3)ประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้หุ่นยนต์บังคับแขนกลแอพพลิเคชั่นผ่าน wifi ที่พัฒนาขึ้นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาคือนักศึกษาสาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร จานวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นหุ่นยนต์บังคับแขนกล แบบประเมินคุณภาพการพัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อแอพพลิเคชั่นการควบคุมหุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยล้อผ่านการสื่อสารไร้สายสถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ การหาค่าเฉลี่ย ( ̅) และการหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการศึกษาพบว่า 1. การพัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi สามารถใช้ในการควบคุมหุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยล้อได้ ให้เดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา ยิบจับวัตถุยกและวางวัตถุโดยควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยใช้ WIFI เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูล 2. ผลการประเมินคุณภาพของพัฒนาหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi ได้แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ ด้านประสิทธิภาพของการทางาน, ด้านการทางาน, ด้านคู่มือการใช้งาน และ ด้านคู่มือการใช้งานปรากฏว่า ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งหมดทุกด้านอยู่ในระดับ เหมาะสมมากที่สุด ( ̅=4.16, S.D.=0.37) ซึ่งแสดงถึงการยอมรับคุณภาพการใช้งาน และมีความสอดคล้องของข้อมูล 3.ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่านWiFi โดยผู้ศึกษาได้แบ่งออกเป็นรายข้อ 10 ข้อ ปรากฏว่า ผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นหุ่นยนต์บังคับแขนกลด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน WiFi มีความพึงพอใจการใช้งานทั้งหมด อยู่ในระดับ เหมาะสมมากที่สุด ( ̅= 4.65,S.D. = 0.50)
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักใน
จังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR 2) ประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่
พักในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR 3) สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
แอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR กลุ่มตัวอย่าง
เป็นนักศึกษาสาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จำนวน
30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัดมหาสารคาม โดย
เทคโนโลยีเสมือนจริง VR แบบประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัด
มหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยี VR และแบบประเมินความพึงพอใจแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักใน
จังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR ที่มีสถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
ประกอบด้วยสถานที่พัก 10 แห่ง โดยแสดงรายละเอียดที่พัก และแผนที่ของสถานที่พักแต่
ละห้อง พร้อมภาพตัวอย่างของสถานที่พักทั้ง 10 แห่ง ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual Reality)
2. ผลการประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยี
เสมือนจริง VR โดยรวมผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับปานกลาง ( x̅ =2.91 ,S.D. =0.41)
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัด
มหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( x̅ =4.28 ,S.D. =0.59)
โครงงาน :
การพัฒนาแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยื VR
ผู้จัดทำ :
นางสาววารี ทองปั้น
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ ดร.อภิชาติ เหล็กดี
ปีการศึกษา :
2559
|
การศึกษาโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักใน
จังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR 2) ประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่
พักในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR 3) สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
แอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR กลุ่มตัวอย่าง
เป็นนักศึกษาสาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จำนวน
30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัดมหาสารคาม โดย
เทคโนโลยีเสมือนจริง VR แบบประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัด
มหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยี VR และแบบประเมินความพึงพอใจแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักใน
จังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR ที่มีสถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
ประกอบด้วยสถานที่พัก 10 แห่ง โดยแสดงรายละเอียดที่พัก และแผนที่ของสถานที่พักแต่
ละห้อง พร้อมภาพตัวอย่างของสถานที่พักทั้ง 10 แห่ง ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual Reality)
2. ผลการประเมินคุณภาพแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยี
เสมือนจริง VR โดยรวมผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับปานกลาง ( x̅ =2.91 ,S.D. =0.41)
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อแอพพลิเคชั่นแนะนำสถานที่พักในจังหวัด
มหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง VR โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( x̅ =4.28 ,S.D. =0.59)
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี
Multi Marker 2) ประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi
Marker 3) สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi
Marker กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ใน
การศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษด้วยเทคโนโลยี Multi Marker แบบประเมินคุณภาพ
ของแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi Marker และแบบสอบถามความพึงพอใจ
ที่มีต่อการใช้งานแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi Marker สถิติที่ใช้ในการศึกษา
คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1) แอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi Marker ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย
บัตรคำ ความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ภาพโมเดลสามมิติ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรม
การเรียนรู้ในชั้นเรียนได้
2) ผลการประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi
Marker โดยรวมอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย x̅ = 4.30, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. =0.47)
3) ผลการสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อแอพพลิเคชั่น โดยรวมอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย x̅ = 4.19, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.57)
โครงงาน :
การพัฒนาแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi Marker
ผู้จัดทำ :
นางสาววารุณี ภูสีฤทธิ์
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ ดร.อภิชาติ เหล็กดี
ปีการศึกษา :
2558
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี
Multi Marker 2) ประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi
Marker 3) สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi
Marker กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ใน
การศึกษา ได้แก่ แอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษด้วยเทคโนโลยี Multi Marker แบบประเมินคุณภาพ
ของแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi Marker และแบบสอบถามความพึงพอใจ
ที่มีต่อการใช้งานแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi Marker สถิติที่ใช้ในการศึกษา
คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1) แอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi Marker ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย
บัตรคำ ความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ภาพโมเดลสามมิติ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรม
การเรียนรู้ในชั้นเรียนได้
2) ผลการประเมินคุณภาพของแอพพลิเคชั่นบัตรคำภาษาอังกฤษ ด้วยเทคโนโลยี Multi
Marker โดยรวมอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย x̅ = 4.30, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. =0.47)
3) ผลการสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อแอพพลิเคชั่น โดยรวมอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย x̅ = 4.19, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.57)
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา:
ร้านราชาคอนกรีต 2) เพื่อประเมินคุณภาพของระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชา
คอนกรีตที่พัฒนาขึ้น กลุ่มเป้าหมาย คือ อาจารย์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความเชียวชาญด้าน
คอมพิวเตอร์และการพัฒนาระบบ จำนวน 3 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ ระบบซื้อ-ขาย อุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต แบบประเมินคุณภาพของระบบซื้อ-ขาย อุปกรณ์
ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต สถิติที่ใช้ในการศึกษา คือ การหาค่าเฉลี่ย และการหาค่าส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า
1.ระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต ประกอบด้วย 3 ส่วน
หลักๆ คือ จัดการข้อมูล รายการประจำวัน รายงาน สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ผลการประเมินคุณภาพของระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต
โดยรวมอยู่ในระดับมาก
โครงงาน :
การพัฒนาระบบซื้อ-ขาย อุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต
ผู้จัดทำ :
นางสาววิยะดา แสนราชา
อาจารย์ปรึกษา :
อาจารย์ทิพวิมล ชมภูคำ
ปีการศึกษา :
2558
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา:
ร้านราชาคอนกรีต 2) เพื่อประเมินคุณภาพของระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชา
คอนกรีตที่พัฒนาขึ้น กลุ่มเป้าหมาย คือ อาจารย์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความเชียวชาญด้าน
คอมพิวเตอร์และการพัฒนาระบบ จำนวน 3 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ ระบบซื้อ-ขาย อุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต แบบประเมินคุณภาพของระบบซื้อ-ขาย อุปกรณ์
ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต สถิติที่ใช้ในการศึกษา คือ การหาค่าเฉลี่ย และการหาค่าส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า
1.ระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต ประกอบด้วย 3 ส่วน
หลักๆ คือ จัดการข้อมูล รายการประจำวัน รายงาน สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ผลการประเมินคุณภาพของระบบซื้อ-ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กรณีศึกษา: ร้านราชาคอนกรีต
โดยรวมอยู่ในระดับมาก